โรคหลอดเลือดสมอง หรือ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย และอันดับสองที่ทำให้คนไทย พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ละปีคนไทยเป็นโรคนี้ประมาณ 150,000 คน พิการปีละ 50,000 และเสียชีวิตปีละ 50,000 คน
โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่ป้องกันได้ โดยละเลิกหรือควบคุมปัจจัยเสี่ยงให้ได้เป้าหมาย ควรงดการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอลล์ คุมความดันให้ไม่สูงกว่า 140/80 มม.ปรอท (130/80 สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) น้ำตาลเฉลี่ย (HbA1C) ต่ำกว่า 7 สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน และไขมันแอลดีแอล (LDL) ต่ำกว่า 130 มก./ดล. (70 สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) และออกกำลังกาย ให้สม่ำเสมอชนิดแอโรบิคครั้งละ 20 นาที อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์
สำหรับคนที่ไม่เคยตรวจหาปัจจัยเสี่ยงหรือรู้แล้วแต่ไม่ได้เลิกหรือควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย หรือแม้จะควบคุมปัจจัยเสี่ยง ได้ดียังอาจจะเกิดอาการโรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันได้อาการที่จะสังเกตได้ว่าตัวเรา ญาติ หรือ เพื่อนเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรค (Stroke) ได้แก่ หน้าหรือปากเบี้ยว แขนหรือขาไม่มีแรงครึ่งซีกของร่างกาย เดินเซ พูดไม่ชัดหรือพูดไม่ได้ อาการที่เกิดขึ้นต้องเป็นอย่างเฉียบพลัน ดังนั้น หากใครที่มีดังกล่าวต้องรีบไปโรงพยาบาล และควรเป็น โรงพยาบาลที่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือด (TPA) ได้ การให้ยาละลายลิ่มต้องให้ภายใน 3 ชั่วโมง หลังจากมีอาการแต่ โรงพยาบาลต้องมีการเตรียมการในการตรวจ เช่น ตรวจเลือด และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT scan) ประมาณ 1 ชั่วโมง ดังนั้น คนที่มีอาการต้องให้ถึงโรงพยาบาลภายใน 2 ชั่วโมง (120 นาทีหนีอัมพาต) หลังมีอาการ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอาการอย่ารอช้า ไม่ต้องรอดูอาการให้รีบออกจากบ้านไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของ ผู้ป่วยเอง โดยเมื่อมีหลอดเลือดสมองอุดตัน ไม่มีเลือดไปเลี้ยงสมอง เนื้อสมองส่วนนั้นจะหยุดทำงานทันที ทำให้เกิดอาการ ทางสมองดังที่กล่าวแล้วอย่างเฉียบพลัน ถ้ามีเลือดกลับมาเลี้ยงเซลล์สมองใหม่ก่อนที่เซลล์สมองตาย สมองส่วนนั้นจะฟื้นตัว กลับมาทำงานได้ตามปกติ อาการอัมพฤกษ์อัมพาตจะดีขึ้น ถ้ามีเลือดมาเลี้ยงสมองใหม่ แต่ถ้ามาช้าจะทำให้เซลล์สมองตาย ถึงมีเลือดมาเลี้ยงก็ไม่ทันการ ผู้ป่วยจะเกิดภาวะอัมพาตถาวร ดังนั้น การรักษาภาวะหลอดเลือดสมองอุดตันที่ดีที่สุดก็คือการเปิด ท่อหลอดเลือดที่อุดตัน เพื่อให้เลือดกลับมาเลี้ยงสมองให้ทันเวลา
ยาที่ใช้ในการสลายลิ่มเลือดที่อุดตันในสมองเรียกว่า TPA (Tissue Plasminogen Activator) หรือชื่อการค้า Actilyse ขวดละ 50 มก. ใช้ 1-2 ขวด (ส่วนใหญ่ใช้ขวดเดียวขึ้นกับน้ำหนัก) ฉีดเข้าหลอดเลือดดำให้หมดภายใน 1 ชั่วโมง อาการดีขึ้นหรือไม่ดี ขึ้นก็จะไม่มีการฉีดซ้ำ จากการศึกษาในผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอุดตันเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่ได้รับยาตัวนี้มีโอกาสที่จะหายจาก อัมพาต หรือ ไม่เกิดความพิการ มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ยาประมาณ 30% ประโยชน์ของยาตัวนี้จะดีขึ้นเมื่อผู้ป่วยได้ยาเร็วกว่าหลัง เกิดอาการ ดังนั้น เมื่อเกิดอาการโรคหลอดเลือดสมองจึงควรไปโรงพยาบาลที่สามารถให้ยานี้ได้โดยเร็วที่สุด
ผลเสียจากการให้ยา TPA ที่อันตราย คือ ทำให้มีเลือดออกในสมองได้ประมาณ 7 ใน 100 คน และ 3 ใน 7 คนนี้อาจเสียชีวิต ได้ดังนั้น ก่อนที่จะให้ยาแก่ผู้ป่วย แพทย์ผู้ทำการรักษาต้องมีความชำนาญ และมีประสบการณ์ โดยต้องมีการตรวจความพร้อม ของผู้ป่วยก่อนให้ยา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีภาวะเลือดออกในสมองน้อยที่สุด ในประเทศไทยได้ใช้ยาตัวนี้รักษา ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอุดตันเฉียบพลันมาประมาณ 10 ปี ซึ่งได้ผลดี และเกิดเลือดออกในสมองในอัตราใกล้เคียงกับ ต่างประเทศ มีโรงพยาบาลของรัฐโดยเฉพาะโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลในต่างจังหวัดหลายแห่ง และโรงพยาบาล เอกชนบางแห่งซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพ
โรงพยาบาลพญาไท ให้บริการรักษาผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอุตันเฉียบพลัน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการ ให้ยาละลายลิ่มเลือดพร้อมให้การรักษาท่านตลอดเวลา โดยแผนกตรวจเลือด และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง มีบริการ 24 ชั่วโมง
|