อัมพาตครึ่งซีกที่หน้า ภาวะปัญหาโรคปากเบี้ยว
"อัมพาต" ชื่อนี้ เชื่อได้เลยว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นโรคที่ใครๆ ก็ไม่อยากเป็น เนื่องจากภาวะอัมพาตนั้น ส่งผลทำให้การใช้ชีวิตของผู้ป่วยขาดซึ่งสีสัน ถ้าเลือกได้ ทุกคนก็คงไม่มีใครอยากที่จะต้องป่วยและมีสภาพเป็นอัมพาต ทั้งนี้ อาการอัมพาตมิได้จำเป็นต้องเป็นทั้งตัวหรือครึ่งตัวเท่านั้น หากแต่ยังสามารถเป็นได้เฉพาะแค่ใบหน้าครึ่งซีก โดยผ่านอาการแสดงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ "ปากเบี้ยว" นั่นเอง
โรคปากเบี้ยวหมายถึงอะไร?
พญ. นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้อธิบายถึง "โรคปากเบี้ยว" (Bell?s PALSY) ว่า เป็นภาวะที่มีอาการอักเสบของเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก มุมปากตก ขยับใบหน้าซีกนั้นไม่ได้ หลับตาได้ไม่สนิท เลิกคิ้ว ยักคิ้วไม่ได้ น้ำลายไหลออกมุมปาก
ทั้งนี้ ที่มาของชื่อ Bell?s PALSY นั้น ได้มาจากการที่โรคนี้ถูกค้นพบโดยศัลยแพทย์ชาวสก็อต ชื่อ CHARLE BELL จึงเรียกโรคนี้ว่า BELL?S PALSY (เบลล์ พัลซี) โดยโรคนี้สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย แต่มีโอกาสพบมากขึ้นในผู้ป่วยเบาหวาน
หน้าที่ของเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7
เส้นประสาทสมองมีทั้งหมด 12 คู่ ทำหน้าที่รับความรู้สึกและควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ซึ่งเส้นประสาทสมองแต่ละคู่ ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เรียกว่า FACIAL NERVE ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าทั้ง 2 ด้าน ซ้ายและขวา การยิ้ม ยิงฟัน หลับตา ลืมตา ยักคิ้ว การรับรสอาหาร ควบคุมการได้ยิน การหลั่งน้ำตา การหลั่งน้ำลาย ดังนั้น โรคปากเบี้ยว ซึ่งมีสาเหตุมาจากภาวะการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 จึงส่งผลทำให้เกิดภาวะอัมพาตครึ่งซีกที่ใบหน้านั่นเอง
ปัจจัยเสี่ยงอะไร ทำให้เป็นโรคปากเบี้ยวได้บ้าง?
พญ. นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพญาไท 1 กล่าวถึงสาเหตุสำคัญของโรคปากเบี้ยวว่า เกิดจากการบาดเจ็บหรือการอักเสบของเส้นประสาทคู่ที่ 7 (FACIAL NERVE) ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย อาทิ
- มักจะเป็นผลตามมาหลังจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมักพบบ่อย คือ เริม งูสวัด ที่เกิดบริเวณใบหน้า ในหู ผู้ป่วยมีร่างกายอ่อนแอภูมิคุ้มกันต่ำ พักผ่อนน้อย มีความเครียด - การสูบบุหรี่จัด - ดื่มแอลกอฮอล์มาก - ติดเชื้อเอชไอวี
ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นเป็นเหตุให้มีโอกาสติดเชื้อไวรัสต่างๆได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเริม งูสวัด เมื่อเส้นประสาทมีการอักเสบ จะทำให้เส้นประสาทมีการบวมจนเกิดการกดทับ และขาดเลือดไปเลี้ยง ส่งผลให้รบกวนการทำงานของเส้นประสาท ทำให้ไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการปิดตาและยิ้มได้ เช่น ถ้ามีการอักเสบเส้นประสาทคู่ที่ 7ด้านซ้าย จะทำให้ใบหน้าซีกซ้ายผิดปกติ ไม่สามารถยักคิ้วได้ ปิดตาได้ไม่สนิท ปากเบี้ยวด้านซ้าย
นอกจากนั้นแล้ว ก็อาจเป็นสาเหตุจากปัจจัยอื่นๆ ได้แก่
- ได้รับอุบัติเหตุ - เป็นโรคเบาหวาน - ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ - เกิดภาวะแทรกซ้อนในขณะติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น โรคปากเบี้ยว (BELL?S PALSY) มีอันตรายเพียงใด?
พญ. นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้ให้คำอธิบายถึงความรุนแรงของโรคปากเบี้ยวว่า "โรคเบลล์ พัลซี" นับเป็นโรคที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรง โดยผู้ป่วยส่วนมาก สามารถฟื้นตัวได้ ภายใน 1-3 เดือน โดยไม่ต้องรักษา และส่วนใหญ่จะหายสนิท จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออาการปากเบี้ยวให้เห็น
ทั้งนี้ สำหรับผู้ป่วยที่อายุมาก โดยเฉพาะเกิน 60 ปีขึ้นไป จะฟื้นตัวได้ช้ากว่าผู้ที่อายุน้อยกว่าและพบว่าผู้ป่วยประมาณครึ่งหนึ่ง จะมีอาการเครียด และไม่ค่อยเข้าสังคม หลังจากที่มีอาการปากเบี้ยว
สังเกตสัญญาณ อาการแสดงของโรคปากเบี้ยว (BELL?S PALSY)
โดยมากจะพบว่าผู้ป่วยมีอาการใบหน้าเบี้ยวปากเบี้ยวอย่างฉับพลัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ปากเบี้ยว - มุมปากตก เวลายิ้มหรือยิงฟันจะเห็นได้ชัด - เวลาดื่มน้ำ น้ำจะไหลจากมุมปากข้างที่เป็น - เคี้ยวแล้วน้ำลายไหล เนื่องจากปิดปากไม่สนิท - เวลาหลับตาเปลือกตาปิดไม่สนิท - เวลาลืมตาเปลือกตาตกลง - ถ้าหากล้างหน้าจะแสบตา เนื่องจากสบู่เข้าตา จากการที่เปลือกตาปิดไม่สนิท - ยักคิ้วไม่ได้ เลิกคิ้วไม่ได้ มีอาการในข้างเดียวกับปาก และตา ที่มีอาการผิดปกติ - บางรายอาจสูญเสียการรับรสหรือมีอาการหูอื้อร่วมด้วย วินิจฉัยอย่างไร ให้อยู่ว่าใช่โรคปากเบี้ยว?
พญ. นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้อธิบายถึงแนวทางในการวินิจฉัยโรคปากเบี้ยวว่า สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
- การทดสอบเส้นประสาทคู่ที่ 7 (FACIAL NERVE) โดยการให้ผู้ป่วย ยิ้ม ยิงฟัน ยักคิ้ว หลับตาให้สนิท หากผิดปกติ จะพบว่า ขณะยิ้ม ยิงฟัน ปากจะเบี้ยว ยักคิ้วไม่ได้ ปิดเปลือกตาไม่สนิท จะมีความผิดปกติในซีกเดียวกันทั้งหมด
- การส่องตรวจหูเพื่อหารอยโรค ดูว่ามีการติดเชื้อไวรัสหรือไม่
- การทดสอบกำลังของกล้ามเนื้อแขน และขา หากอยู่ในระดับปกติ จะเป็นการยืนยันว่าไม่ได้เป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติในสมอง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น เนื่องจากอัมพาตที่เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง จะมีอาการปากเบี้ยว คล้ายคลึงกับโรคเบลล์ พัลซี แต่แตกต่างกันตรงที่มักมีอาการอ่อนแรงของแขน ขา ร่วมด้วย ผู้ที่มีอาการปากเบี้ยวควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของโรคให้แน่ชัด
การรักษาโรคปากเบี้ยว (BELL?S PALSY) ทำได้อย่างไร?สำหรับแนวทางการรักษาโรคปากเบี้ยว พญ. นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้อธิบายว่า เมื่อแพทย์ได้ตรวจวินิจฉัยจนแน่ใจแล้วว่า ผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคหลอดเลือดสมอง (STROKE) หรือไม่ได้เป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติทางสมองอื่นๆ ที่ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีก แต่เป็นโรคปากเบี้ยว (BELL?S PALSY) การรักษา มีดังนี้ - การรักษาด้วยยา เพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาท โดยการให้ยากลุ่มสเตียรอยด์ คือเพรดนิโซโลน (PREDNISOLON) ในช่วงแรกแพทย์จะให้รับประทานยาวันละหลายเม็ด แล้วค่อยๆ ลดขนาดลงจนหยุดยาภายใน 7-14 วัน ยาช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้นแต่ควรให้ภายใน 2-3วัน หลังเกิดอาการ ยานี้มีผลข้างเคียง ควรรับประทานตามคำแนะนำ ของแพทย์ ไม่ควรหยุดยาเอง ไม่ปรับขนาดยาเอง หรือซื้อยาเอง
- การใช้ยาต้านไวรัส เช่น acyclovir, valacyclovir
- กายภาพบำบัด สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการมาก ฟื้นตัวได้ช้า แพทย์อาจพิจารณาให้ทำกายภาพบำบัด กระตุ้นไฟฟ้า เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
- การดูแลดวงตา เนื่องจากโรคนี้การปิดตาไม่สนิท ทำให้ตาแห้ง และมีแผลที่กระจกตาได้ จึงควรใช้น้ำตาเทียมระหว่างวันและใช้ eye shieldปิดตาในช่วงกลางคืน
ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อเป็นโรคปากเบี้ยว?แนวทางการดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคปากเบี้ยว ควรปฏิบัติ ดังนี้ - การดูแลดวงตา เนื่องจากผู้ป่วยโรคปากเบี้ยว (BELL?S PALSY) มีปัญหาของการปิดเปลือกตาได้ไม่สนิท ทำให้ดวงตาแห้ง มีโอกาสระคายเคือง และ เกิดแผลถลอกที่ตาได้ง่าย จึงต้องดูแลดวงตาข้างนั้น เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และป้องกันการติดเชื้อ ถ้าหากตาแห้งมาก แพทย์อาจให้น้ำตาเทียม หยอดในช่วงกลางวัน และหยอดสารหล่อลื่นในช่วงกลางคืน กลางวันควรสวมแว่นกันแดด เพื่อป้องกันฝุ่น ป้องกันลม และป้องกันอุบัติเหตุต่อดวงตา ส่วนกลางคืนก่อนนอน ควรใช้ eye shield ที่สะอาด ปิดตาข้างที่ปิดไม่สนิท และไม่ควรขยี้ตาข้างนั้น
- การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า ด้วยการแยกเขี้ยว ยิงฟัน หลับตา เลิกคิ้ว ช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น
- การรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ควรทำอย่างช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อน เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี
- ควรรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์ และพบแพทย์ตามนัด
- หมั่นสังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติอย่างอื่นเพิ่มขึ้น เช่น กลืนลำบาก ปวดศีรษะ แขนขาอ่อนแรง ควรรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
- การดูแลสุขภาพจิต เป็นสิ่งสำคัญ ควรหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด การพักผ่อนให้พอเพียง ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อโรคได้ดีขึ้น
มีโอกาสหายมากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นโรคปากเบี้ยว?คำถามหนึ่งที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคปากเบี้ยว ก็คือ จะมีโอกาสหายขาดได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเปอร์เซ็นต์ในการหายขาดนั้น ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ดังนี้ - ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ มักหายเองและหายขาดได้ ภายใน 1-3 เดือน และมีเพียงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ยังหลงเหลืออาการ ไม่หายขาด
- ผู้ที่ไม่หายขาด มักเป็นผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี ผู้ที่มีกล้ามเนื้อใบหน้าที่อ่อนแรงมากไม่สามารถขยับได้เลย ผู้ที่มีอาการดีขึ้นช้า 4 เดือน แล้วยังไม่เริ่มดีขึ้น
- สำหรับผู้ที่มีอาการดีขึ้นเร็ว ภายใน 2-3 สัปดาห์ มักจะหายขาด
ป้องกันตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลจากโรคปากเบี้ยว?พญ. นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้แนะนำว่า โรคปากเบี้ยวนั้น เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ก็สร้างความทุกข์ให้กับผู้ป่วยได้มากไม่แพ้โรคอื่นๆ อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันโรคปากเบี้ยวได้ โดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้ - ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคที่ดี ช่วยลดโอกาสของการติดเชื้อไวรัสและเชื้อโรคอื่นๆ
- รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ผ่อนคลายความเครียด พักผ่อนให้พอเพียง
- ไม่หักโหมทำงานหนักจนเกินไป
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคปากเบี้ยวได้ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อมีอาการปากเบี้ยว ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคให้ชัดเจน และการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ 1 ? 2 วันแรก จะช่วยให้อาการดีขึ้นเร็วและเพิ่มโอกาสของการหายขาดจากโรคได้มากยิ่งขึ้น |