นายแพทย์สุรัตน์ บุญญะการกุล ผู้อำนวยการศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพญาไท 1
อัมพฤกษ์ อัมพาต ระยะวิกฤตหรือระยะเฉียบพลัน หมายถึง โรคหลอดเลือดสมองที่ผู้ป่วยมีอาการอัมพฤกษ์หรืออัมพาตครึ่งซีกของร่างกาย ในระยะที่เป็นใหม่ๆช่วง 7 วันแรก ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้ป่วยต้องการการรักษาอย่างถูกต้อง รวดเร็ว โดยการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด ที่มีความชำนาญ ในห้องที่มีเครื่องมือที่ทันสมัย และเหมาะสมกับผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตระยะเฉียบพลัน (Acute Stroke Unit) เพื่อให้ผู้ป่วยหายจากการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการเลวลง (progressive stroke) ลดอัตราการเกิดโรคแทรกซ้อนจากการที่ผู้ป่วยเคลื่อนไหวไม่ได้ (stroke complications) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกันการเกิด ปอดอักเสบจากการสำลักอาหารที่เป็นของเหลวหรือน้ำลายเข้าปอด (aspiration pneumonia)
อัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันเกิดได้อย่างไร อัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันหรือโรคหลอดเลือดสมองระยะเฉียบพลัน (Acute stroke) เกิดจากสาเหตุใหญ่ๆ 2 ประการคือ
1. สมองขาดเลือดไปเลี้ยง ( Acute ischemic stroke) อาจจะเป็นจาก
i หลอดเลือดที่เลี้ยงสมองมีการเสื่อมเกิดการแข็งตัวค่อยๆตีบลงจนอุดตันในที่สุด
ii มีลิ่มหลุดจากหัวใจหรือหลอดเลือดแดงเส้นใหญ่ๆที่คอ ไหลไปอุดตันในสมอง
iii ความดันเลือดลดต่ำลงจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ | |
2. เลือดออกในสมอง (Acute hemorrhagic stroke) ซึ่งเลือดอาจจะออกบริเวณ
i เลือดออกในเนื้อสมอง (Intracerebral hemorrhage) จากการที่มีอายุมากร่วมกับเป็นความดันสูงมานาน ทำให้หลอดเลือดเล็กๆในสมองค่อยโป่งออกแล้วแตกออก
ii เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง (Subarachnoid hemorrhage) จากการแตกของหลอดเลือดที่โป่งพองที่ฐานสมอง
อาการของภาวะอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลัน | |
อัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันมีอาการที่เกิดโดยเฉียบพลันดังนี้ - แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก ไม่มีแรงยกแขน มือกำไม่ได้ ของหลุดจากมือเวลาต้องการถือของ ไม่มีแรงเดิน เดินเซ ยกขาไม่ขึ้น กระดกเท้าไม่ได้ - หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิทข้างเดียว กินน้ำน้ำไหลจากมุมปาก - พูดไม่ชัด พูดอ้อแอ้คล้ายคนเมาเหล้า นึกคำไม่ออก ใช้คำพูดผิด หรือบางรายอาจพูดไม่ได้เลย - ฟังคนพูด (ภาษาไทย) ฟังไม่ออก ถามอย่างตอบอย่าง - ชาใบหน้า ชาครึ่งซีกร่างกาย ชาหนาๆคล้ายถูกฉีดยาชา - เห็นภาพซ้อน มองเห็นซีกเดียวของลานสายตา เดินชนของ ขับรถชนรถคันอื่นหรือของที่ตั้งไว้ข้างถนน(จากการมองไม่เห็นด้านข้าง) - กลืนไม่ได้ กลืนลำบาก สำลักน้ำหรือแม้แต่น้ำลายตนเอง - ปวดศีรษะรุนแรงทันทีทันใดแบบไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต มักร่วมกับมีการอาเจียน - เวียนศีรษะบ้านหมุน นานมากกว่า 5 นาที โดยไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทาง มักเป็นร่วมกับการเดินเซ
ภาวะและโรคแทรกซ้อนจากการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลัน การไม่มีแรงเดิน แขนขาอ่อนแรง เดินเซ กลืนลำบาก การไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมองผิดปกติ ความดันโลหิตที่สูงมากกว่าปกติ รวมทั้งความบกพร่องในระบบภูมิคุ้มกันตนเองจากการติดเชื้อโรค ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมากในช่วง 7 วันแรกหลังเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต นำไปสู่ความพิการที่มากขึ้น และอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ การป้องกันภาวะและโรคแทรกซ้อนใน ไอซียู เฉพาะโรคหลอดเลือดสมอง ที่เรียกว่า ?ห้องไอซียูรักษาเฉพาะอัมพาตระยะวิกฤต? หรือ ?Acute Stroke Unit? ช่วยลดอัตราตายและพิการของผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันได้ 20-30% จากการศึกษาในต่างประเทศ
ภาวะและโรคแทรกซ้อนจากการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันที่พบได้บ่อย 1. อาการทรุดลงในระยะเริ่มต้น (Progressive stroke)
- พบได้ประมาณ 30-40% ของผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันระยะ 3 วันแรก - ทำให้อาการทรุดลงเช่นจากพอเดินได้ ยกแขนได้ แล้วอาการทรุดลงจนเดินไม่ได้ ยกแขนกำมือไม่ได้ ใน 2-3 วันแรก อาจจะเกิดที่บ้าน(รายที่ไม่ได้ไปโรงพยาบาล) หรือระหว่างได้รับการรักษาในโรงพยาบาล - บางรายจากที่รู้ตัวดี ต่อมาซึมลงไม่โต้ตอบ ทรุดมากจนไม่รู้ตัวและโคม่า - เกิดจากการที่สมองขาดเลือดมากขึ้น การอุดตันของหลอดเลือดเป็นซ้ำใหม่ ความดันลดมากเกินไปจากตัวผู้ป่วยเองหรือจากยาลดความดัน จากไข้สูง จากการที่มีเลือดออกในสมองมากขึ้น หรือจากการที่สมองบวมใน 2-3 วันแรก - การป้องกันไม่ให้เกิดอาการทรุดลงเป็นสิ่งที่ทำได้ โดยแพทย์ที่ดูแลต้องทราบถึงสาเหตุ กลไกการเกิดโรค คาดการณ์ได้และป้องกันการทรุดลงแต่เนิ่นๆ 2. โรคปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration pneumonia)
- เกิดได้จากการสำลักน้ำลาย หรืออาหารเหลว เข้าหลอดลมและลงในปอด ทำให้ปอดอักเสบ - เกิดในผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบากซึ่งพบได้ 30-50% ของผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลัน ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ 10-20% - ผู้ป่วยเริ่มมีไข้วันที่ 2-3 หลังมีเกิดอัมพาต มีอาการไอ บางรายมีเสมหะเหลืองหรือเขียวข้น ถ้าเป็นมากจะหายใจเร็ว หอบ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ - การทดสอบการกลืน (Swallowing test) ตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล และการพยาบาลที่เข้าใจถึงกลไกการเกิดโรค การเอาใจใส่ การจัดท่าผู้ป่วยให้สำลักลดลง การทำความสอาดในช่องปาก ช่วยป้องกันการเกิดปอดอักเสบได้ - ถ้าเกิดขึ้นแล้ว การรักษาแต่เนิ่นๆจะทำให้ผู้ป่วยหายเร็ว และไม่ทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์อัมพาตทรุดลงในระยะเฉียบพลัน 3. โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
- การไม่มีแรง การที่ยืนไม่ได้ ในผู้ป่วยที่มีอายุมาก ทำให้ปัสสาวะลำบาก โดยเฉพาะรายที่มีต่อมลูกหมากโต(ผู้ชาย)และท่อปัสสาวะตีบ(ผู้หญิง) - การที่ปัสสาวะไม่ออกหรือออกไม่หมด ทำให้ปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ เชื้อโรคค้างและเพิ่มจำนวนขึ้น แล้วลุกลามไปที่ไต ทำให้กรวยไตอักเสบ ผู้ป่วยมีไข้ขึ้น หนาวสั่น ทำให้ความดันต่ำ ช็อก และทำให้อัมพาตทรุดลง ถ้าเชื้อโรคเข้ากระแสโลหิตทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ - การพยาบาลที่เอาใจใส่ การบันทึกและเฝ้าระวังการปัสสาวะลำบาก การสวนปัสสาวะร่วมกับการให้ยา ที่ทำให้ปัสสาวะคล่องขึ้น ช่วยลดการเกิดทางเดินปัสสาวะอักเสบได้ - ผู้ป่วยที่มีกรวยไตอักเสบ ต้องได้รับยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือดดำแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้โรคลุกลาม 4. โรคแผลกดทับ
- เกิดจากการที่ผู้ป่วยไม่มีแรงพลิกตัวไปมา ทำให้นอนทับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายนานเกินไป ผิวหนังของส่วนนั้นขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้ผิวหนังตาย พองหลุดลอกออก เชื้อโรคเข้าไปในเนื้อใต้ผิวหนัง เกิดการอักเสบ ถ้าทิ้งไว้จะลุกลามกินลึกลงไปเรื่อยจนถึงกระดูก ระยะนี้การรักษาลำบากมาก - ป้องกันไม่ให้เกิดได้โดยการพลิกตัวผู้ป่วยอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมงเพื่อเลือดไปเลี้ยงผิวหนังได้ทุกส่วนสลับกันไป - ปัจจุบันภาวะนี้พบได้น้อยมาก จากการที่เข้าใจกลไกการเกิด และการพยาบาลที่ดีขึ้น
5. โรคหลอดเลือดดำที่ขาอุดตันโดยลิ่มเลือด (Deep vein thrombosis)
- เกิดจากการที่ขาไม่เคลื่อนไหว เลือดดำที่ไหลช้าอยู่แล้วเกิดแข็งตัวจับกันเป็นลิ่มเลือด อุดตันหลอดเลือดดำที่ขา เป็นได้ตั้งแต่น่องจนถึงโคนขา
- ผู้ป่วยมีการขาบวมข้างเดียว กดบุ๋มที่หน้าแข้ง หลังเท้า
- การที่ขาบวมไม่มีอันตราย แต่อันตรายเกิดจากลิ่มเลือดหลุดไปเข้าหัวใจแล้วหลุดต่อเข้าไปในปอด อุดตันหลอดเลือดแดงของปอด ทำให้เนื้อปอดตาย ผู้ป่วยจะหายใจเร็ว หอบ โดยไม่มีไข้ ถ้าเนื้อปอดตายมาก ทำให้เสียชีวิตได้
- แม้ว่ายังไม่ทราบว่าในผู้ป่วยไทยที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันเกิดภาวะนี้มากเท่าใด แต่ควรป้องกันไม่ให้เกิดโดย การใส่ถุงเท้าที่บีบรัดขาไล่จากตาตุ่มขึ้นไปต้นขาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ลมช่วย (intermittent pneumatic compression stockings) ในวันที่สองหลังเป็นอัมพาตเฉียบพลัน หรืออาจจะใช้ยาป้องกันเลือดแข็งตัวซึ่งมีทั้งชนิดรับประทานหรือฉีดเข้าในผิวหนัง
| |
โรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยแต่ไม่อันตรายหรือพบได้ไม่บ่อย
- ภาวะปวดไหล่ ไหล่ทรุด และไหล่ติด - การหกล้ม ตกเตียง - หัวใจเต้นผิดปกติหรือหัวใจขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน - โรคซึมเศร้า เครียด
?ห้องไอซียู รักษาเฉพาะอัมพาตระยะวิกฤต? ของโรงพยาบาลพญาไท1 (Phyathai Acute Stroke Unit) เป็นห้องไอซียูขนาด 7 เตียง รับรักษาผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันใน 3 วันแรกที่เริ่มมีอาการ ผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตวิกฤตที่ต้องดูแลใกล้ชิด และผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองหลังผ่าตัด มีแพทย์ระบบประสาท แพทย์ผ่าตัดสมอง พยาบาลที่มีความรู้ความเข้าใจโรคอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลัน นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัดที่ดูแลเรื่องการกลืน เภสัชกรและนักกำหนดอาหาร เป็นทีมดูแลผู้ป่วย ร่วมกับการมีเครื่องมือที่เหมาะสมกับผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลันโดยเฉพาะ มีจุดมุ่งหมายในป้องกันและแก้ไขโรคแทรกซ้อนอย่างทันที หลังจากเกิดอัมพฤกษ์อัมพาตเฉียบพลัน โดยการดูแลผู้ป่วยอย่างเอาใจใส่ และรักษาตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวจากอัมพฤกษ์อัมพาต ลดความพิการและลดการเสียชีวิตของผู้ป่วย
ผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ?สายด่วนอัมพาตเฉียบพลัน? 02-640-1111 ต่อ สายด่วนโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
|